สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และสินเชื่อพิโกพลัส
" สมัครง่าย อนุมัติไว ให้วงเงินสูง ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น เงินด่วนถูกกฎหมาย "
บริษัท มิตรสิบ พิโก จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล (“ท่าน”) รวมถึงวิธีการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวทางการจัดการข้อมูลดังกล่าวอย่างเหมาะสมตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ 2562
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อจัดให้มีวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และมีมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย รักษาความลับตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน โดยบริษัทจะดำเนินการตามวัตถุประสงค์ และความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับบริษัทในเรื่องเกี่ยวกับ การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามที่กฎหมายกำหนด และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ที่เหมาะสมสำหรับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
คำนิยาม
บริษัท หมายถึง บริษัท มิตรสิบ พิโก จำกัด
กลุ่มบริษัทมิตรสิบ หมายถึง บริษัทฯ และบริษัทในเครือ
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นระบุไปถึง เช่น ประชาชนทั่วไป ลูกค้า พนักงาน แต่ไม่รวมบุคคลที่ถึงแก่กรรมและนิติบุคคล
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าดังต่อไปนี้
1.1 ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ( Identity Data ) เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ การศึกษา สัญชาติ สถานภาพการสมรส อาชีพ ตำแหน่งงาน รวมถึงรายละเอียดและ/หรือ เอกสารสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ กรุ๊ปเลือด รูปถ่าย ลายมือชื่อ และข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว เช่น ศาสนา เชื้อชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในบัตรประชาชนของท่านเจ้าของข้อมูล
1.2 ข้อมูลเพื่อการติดต่อ ( Contact Data ) เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และชื่อผู้ใช้ในโซเชียลมีเดีย ( เช่น ชื่อผู้ใช้ Facebook และ Line id )
1.3 ข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลการทำธุรกรรม ( Transaction Data ) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร ( หน้าบุ๊คแบงค์ ) ข้อมูลแสดงรายได้ Statement เงินเดือน สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน และรายละเอียดภายใต้เอกสารการขอสินเชื่อ
1.4 ข้อมูลการติดต่อกับบริษัท ( Communication Data ) เช่น ข้อมูลการบันทึกภาพจากกล้อง ( CCTV ) หรือเสียงเมื่อมีการติดต่อกับบริษัท
1.5 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น เช่น บุคคลอ้างอิง พยาน รวมถึงข้อมูล ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลดังกล่าว และข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดที่ท่านเคยให้ไว้กับบริษัททุกรูปแบบ ในการให้ข้อมูลดังกล่าว ท่านจะต้องเป็นผู้แจ้งแก่เจ้าของข้อมูลบุคคลดังกล่าวให้ทราบถึงนโยบายฉบับนี้ และยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ตามนโยบายฉบับนี้
1.6 ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถยนต์ โฉนดที่ดิน หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( นส.3ก ) เป็นต้น
1.7 ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัท เช่น การนำเสนอบริการทางการเงินและผลิตภัณฑ์อื่นๆของบริษัทฯ การจัดซื้อ การทำสัญญา การทำธุรกรรมทางการเงิน การดำเนินกิจกรรมของบริษัท การติดต่อประสานงานต่าง ๆ หรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การจัดฐานข้อมูล วิเคราะห์และพัฒนากระบวนการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของบริษัท เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ บริษัทในเครือมิตรสิบฯ และ/หรือบุคคลอื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ เช่น ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ต้องดำเนินงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น การฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย
5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาตามที่บริษัทดำเนินความสัมพันธ์กับเจ้าของข้อมูล และ/หรือการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล เช่น ตามอายุสัญญา และอาจเก็บรักษาต่อไปหลังจากนั้น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย และการกำกับดูแล เช่น ภายใต้การกำกับดูแลสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายป้องกันการปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายว่าด้วยการบัญชี กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายแรงงานและกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องปฏิบัติตามทั้งในและต่างประเทศ
เมื่อพ้นระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้ข้อมูลสามารถระบุตัวตนได้อีกต่อไป เพื่อปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ท่านมีสิทธิในการดำเนินการร้องขอตามสิทธิดังต่อไปนี้
6.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ( right to withdraw consent ) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมที่ให้ไว้กับ บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมาย หรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
6.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ( right of access ) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอม
6.3 สิทธิในการให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ( right to restriction of processing ) ในกรณีที่บริษัทได้ทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งาน โดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้กับบริษัท รวมทั้งมีสิทธิ ดังต่อไปนี้
(ก) ขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
(ข) ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น โดยตรง เว้นแต่โดยสภาพเทคนิคไม่สามารถทำได้
6.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ( right to object ) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิคัดค้านการ ประมวลผลที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อ วัตถุประสงค์เกี่ยวกับทางการตลาดแบบตรงและกรณีอื่นๆตามที่กฎหมายกำหนด
6.5 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ( right to erasure ) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ด้วยเหตุบางประการ
6.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ( right to restriction of processing ) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยเหตุบางประการ
6.7 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ( right to rectification ) บริษัทพยายามจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบรูณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ กรณีที่เจ้าของข้อมูลเห็นว่าข้อมูลที่ บริษัทมีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือเจ้าของข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของตนเอง เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
6.8 การร้องเรียน เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลเชื่อว่าการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทนั้นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรหรือผ่านทางแบบฟอร์มที่บริษัทกำหนด ผ่านทางช่องทางการติดต่อบริษัท โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอ ภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอ บริษัทอาจจะปฏิเสธสิทธิของเจ้าของข้อมูลได้ในกรณีที่มีกฏหมายกำหนดไว้
7. มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค ( Technical Measure ) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ ( Organizational Measure ) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ บริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์
นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น
8. กิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด
ในระหว่างการใช้บริการ บริษัทจะส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด การส่งเสริมการตลาด หรือการ ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และการบริการต่างๆ ที่บริษัทคิดว่าท่านเจ้าของข้อมูลอาจจะสนใจ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการ กับท่านเจ้าของข้อมูลอย่างเต็มประสิทธิภาพ หากท่านเจ้าของข้อมูลได้ตกลงที่จะรับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวแล้ว ท่านเจ้าของ ข้อมูลมีสิทธิยกเลิกความยินยอมดังกล่าวได้ทุกเมื่อ
9. การใช้งาน Cookies
ไฟล์ข้อความเล็ก ๆ เพื่อจัดเก็บข้อมูลโดยจะบันทึกลงในคอมพิวเตอร์ และ/หรืออุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของท่าน เช่น แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน และบริษัทจะใช้คุกกี้ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของบริษัท ผ่านการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท โดยคุกกี้จะไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ และการใช้คุกกี้ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่ออุปกรณ์ของท่านแต่อย่างใด
10. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะทำการพิจารณาทบทวน และอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้อยู่เป็นระยะ ตามความเหมาะสม เพื่อความสอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฏหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว บริษัท จะแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจน ก่อนจะเริ่มการเปลี่ยนแปลง
11. ช่องทางการติดต่อ
ทางบริษัทได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีการกำหนดช่องทางการติดต่อให้กับลูกค้า หากมีข้อสอบถามสงสัยเกี่ยวข้องกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบาย ลูกค้าสามารถติดต่อบริษัท หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางดังนี้
บริษัท มิตรสิบ พิโก จำกัด (สำนักงานใหญ่)
ที่อยู่ : เลขที่ 895-6 หมู่ 5 ถ.ศรีนครินทร์ ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10270
เว็บไซต์ : mitsibpico.com ไลน์ มิตรสิบ เงินด่วน และ เฟซบุ๊ค มิตรสิบ เงินด่วน
อีเมล : IA@mitsibleasing.com Call Center : 02-7438787 ต่อ 922,923
บริษัท มิตรสิบ พิโก จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักดีว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกบันทึกโดยกล้องวงจรปิด (CCTV) สำหรับการเฝ้าระวังสังเกตการณ์รักษาความปลอดภัยในพื้นที่และบริเวณของบริษัท สำหรับพนักงาน ลูกจ้าง ลูกค้า คู่ค้า/พันธมิตร ผู้เข้าร่วมประชุม ผู้รับแหมา ผู้มาติดต่อหรือบุคคลใดๆที่เข้ามายังพื้นที่ (ซึ่งต่อไปนี้รวมเรียกว่า “ท่าน”) นั้นมีความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเก็บไว้เป็นความลับ บริษัทจึงขอประกาศความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) ดังนี้
- วัตถุประสงค์
บริษัทใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในพื้นที่และโดยรอบบริเวณสถานที่ของบริษัท ในการบันทึกข้อมูลเพื่อการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของสถานที่ ทรัพย์สินของท่าน ดังต่อไปนี้
- เพื่อการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยส่วนตัว ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรืออันตราย รวมไปถึงทรัพย์สินของท่าน
- เพื่อการปกป้องอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพย์สินของบริษัทจากความเสียหาย การขัดขวาง การทำลายซึ่งทรัพย์สินหรืออาชญากรรมอื่น
- เพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการยับยั้ง ป้องกัน สืบค้น และ ดำเนินคดีทางกฎหมาย
- เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการระงับข้อพิพาทซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่มีกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการร้องทุกข์
- เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสอบสวน หรือ กระบวนการเกี่ยวกับการส่งเรื่องร้องเรียน
- เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการริเริ่ม หรือป้องกันการฟ้องร้องทางแพ่ง ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน
7. เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่พนักงาน ผู้ใช้บริการ และบุคคลอื่นที่เข้ามาภายในสำนักงาน รวมถึงการดูแลทรัพย์สินของสำนักงานไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าออกเขตหวงห้าม และใช้ในการสอบสวนเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในสำนักงาน
- ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานกฎหมาย ดังต่อไปนี้
- ความจำเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- ความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน และทรัพย์สินของบริษัทซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงาน บริษัทถือว่าการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นมาตรการที่สำคัญซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันเหล่านี้ได้
- ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวม
ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งในข้อ 2. บริษัททำการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ โดยจะติดป้ายเตือนว่ามีการใช้งานกล้องวงจรปิด (CCTV) ณ ทางเข้าและทางออก ภายในและภายนอกอาคาร รวมถึงพื้นที่ที่บริษัทเห็นสมควรว่าเป็นจุดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านเข้ามายังพื้นที่ ดังต่อไปนี้
- ภาพนิ่ง
- ภาพเคลื่อนไหว
- เสียง
- ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
- พฤติกรรมของบุคคล รวมถึงกิจกรรมที่ผิดปกติหรือต้องสงสัย
ทั้งนี้ บริษัทจะไม่ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่ที่อาจล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านจนเกินสมควร ได้แก่ ห้องน้ำ หรือสถานที่เพื่อใช้ในการพักผ่อนของผู้ปฏิบัติงาน
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลที่สาม
- บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลที่สาม (รวมถึงบริษัทในเครือและผู้ให้บริการของบริษัท) ในกรณีที่บริษัทพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วน บุคคลนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุข้างต้น
- บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หากมีความจำเป็นต้องเปิดเผยเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท และเพื่อสนับสนุนหรือช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการป้องกัน สืบสวน และดำเนินคดีต่ออาชญากรรม
- ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเฝ้าระวังสังเกตโดยการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิด (CCTV) ตามที่ประกาศฉบับนี้กำหนด บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่เกี่ยวข้องกับท่าน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ท่านได้เข้าอาคารหรือบริเวณสถานที่ของบริษัท เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ภาพที่บันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดนั้นจะถูกลบโดยอัติโนมัติ ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวบริษัทจะทำการ ลบ นำออกจากระบบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุ ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้
6. ท่านมีสิทธิตามกฎหมายดังต่อไปนี้
- สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
- สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
3.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
3.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์บริษัทได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
3.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของบริษัท)
7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ลบ ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบโดยทั่วกันทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
- ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
- การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
ในการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ บริษัทอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทาง เช่น ติดไว้ที่ประตูทางเข้า-ออก หรือโต๊ะประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
การเข้ามาในพื้นที่ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการเข้าพื้นที่ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงเข้ามาในพื้นที่ต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว
- 10. ช่องทางการติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ
หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ตลอดจนมีข้อสงสัย หรือมีความประสงค์ขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สามารถ ติดต่อบริษัทผ่านช่องทางดังนี้
ชื่อบริษัท : บริษัท มิตรสิบ พิโก จำกัด
ที่อยู่ : 895-6 หมู่ที่ 5 ถนนศรีนครินทร์ ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10270
เว็บไซน์ของบริษัท : www.mitsibpico.com
อีเมล : cm.dpo@mitsibleasing.com
เบอร์โทรศัพท์ : 02-7438787 กด1 ต่อ 923
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2566 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และสินเชื่อพิโกพลัส
” เงินด่วนถูกกฎหมาย ไม่เรียกเก็บค่าเอกสารและค่าดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น “